19 ก.พ. 2565

MEGA GAME : METROID DREAD - รอคอยมา 19 ปี กว่าจะมีภาคต่อ

 


     เกม Action Shooting ชื่อดังสมัย 90s ที่บล็อคเกอร์ไม่เคยเล่นมาก่อนเลย "METROID" ซึ่งตัวเอกของเกมในซีรีย์นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เธอคือ Samus Aran นักรบอวกาศสาวชุดเกราะสีแดง (ซึ่งก่อนหน้านี้บล็อคเกอร์ยังไม่รู้ว่า SAMUS เป็นผู้หญิง 😂 เพราะเธอใส่ชุดเกราะรวมทั้ง Helmet แทบจะตลอดทั้งเกม แต่ภายใต้ชุดเกราะนี้บอกเลยว่าเธอคนนี้ถือว่าเป็นอีก 1 นางฟ้าแห่งวงการเกมเลยทีเดียว..)


ภาพจาก Wikipedia : Metroid (Video Games)

     Metroid เกม Action Shooting Side-Scrolling จากค่ายปู่นิน (Nintendo) โดยท่าน Yoshio Sakamoto เป็นผู้ให้กำเนิด Metroid Series ซึ่งภาคแรกวางจำหน่ายเมื่อปี 1986 ถือว่านานมิใช่น้อย (ก่อน Blogger เกิดอีก!) และก็มีซีรีย์ออกมาเรื่อยๆ ทั้งภาคหลัก และภาคเสริม (Spin-off)


     แต่พอหลังจากภาค Metroid Fusion เมื่อปี 2002 ก็แทบจะไม่มีซีรีย์หลักออกมาเลย แต่ระหว่างที่ไร้เงาภาคต่อ ก็ยังได้เห็น Samus มาแวะเวียนในสังเวียน Super Smash Bros. รวมทั้งเกมภาค Spin-off บ้าง 

Zero Suit Samus (ภาพจาก smashbros-miiverse.com)
Zero Suit Samus : Fusion Shorts (ภาพจาก 
smashbros-miiverse.com)
Zero Suit Samus : Zero Mission Shorts (ภาพจาก 
smashbros-miiverse.com)

COMEBACK ในรอบ 19 ปี กลับมาคราวนี้ต้องขอลองจัดมาเล่นดูซักหน่อย

     เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 35 ปีของซีรีย์ METROID (ถ้าเป็นสาวก็คือ 35 กำลังแจ๋ว...) ก็เลยได้ฤกษ์วางจำหน่ายซีรีย์ภาคใหม่ METROID DREAD เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่วางโปรเจคต์เอาไว้นานมาก เพื่อให้สมกับการรอคอยครั้งยิ่งใหญ่ และไม่พอภาคนี้ยังเป็นถือเป็นการปิดฉาก Metroidvania Saga ที่ยาวนาน (ต้องเรียกว่ารอมานานมากกว่า)
     ซึ่ง METROID DREAD ก็จะเป็นภาคแรกของ METROID ที่บล็อคเกอร์ได้มาเล่น ด้วยความที่ไม่เคยเล่นซีรีย์นี้มาก่อนก็เลย ตั้งแต่จำความได้ เพราะก็เพิ่งได้ยินชื่อ METROID มาไม่นานเหมือนกัน แต่พอหลังจากที่ได้ซื้อและลองเล่นซักพักแล้ว ส่วนตัวว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป จะเรียกว่าตามสูตรเกมประเภท Action-Adventure 2 มิติ ก็ว่าใช่ แต่เอกลักษณ์ของเกมนี้คือคงคอนเซปต์นักรบอวกาศที่ต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาว รวมทั้งศัตรูตัวสำคัญ E.M.M.I. ที่อาศัยการยิงเฉยๆ ไม่สามารถจัดการได้ บวกกับฟังก์ชันเทคนิคต่างๆ ที่ต้องอาศัยความคล่องมือกันซักหน่อย ไม่ว่าจะการเดินทางไปยังจุดต่างๆในแผนที่และการต่อสู้กับศัตรู (รวมทั้งบอสของด่าน) เพื่อไม่ให้ผ่านง่ายเกินและจบเร็วไป เดี๋ยวจะไม่สนุก แต่ก็ยังดีที่ภาคนี้มีการอัพเกรดอาวุธและเกราะเพื่อช่วยให้ไม่ยากเกินไปในการเล่น




METROID DREAD Review Score

7.5/10

(ข้อดี)
+ ภาพสวย กราฟฟิคดี (ส่วนตัวว่าดีขึ้นกว่าภาคก่อนๆมาก เพราะปล่อยให้รอตั้ง 19 ปี กลับมาทั้งทีต้องต๊าซ!! เข้าไว้ )
+ มีระบบอัปเกรดตัวละคร ทั้งเกราะ อาวุธ ค่าพลังต่างๆ
+ เหมาะกับการเล่นฆ่าเวลา 
+ คนที่ไม่เคยเล่นเกมซีรีย์นี้ ก็สามารถเริ่มต้นจากภาคนี้ได้เช่นกัน (ถ้าใครอยากไล่ Story ตั้งแต่ต้น หรืออยากย้อนกลับไปเล่นภาคก่อนๆ ก็ต้องไปหามาเล่นเอาเองนะ)

(ข้อเสีย/ข้อแนะนำ)
- เป็นเกมเล่นคนเดียว ไม่มี Multiplayer
- เหมือนเดิมของเกมซีรีย์นี้คือความยาก ต้องอาศัยเทคนิคและการฝึกฝน การจับจังหวะในการควบคุม+โจมตี (ตอนนี้มีโหมด Rookie แล้ว แต่ถ้าใครชอบความท้าทายแบบสุดๆ ต้องโหมด DREAD //แค่เฉียดยังโดนส่งไปโลกหน้า)
- เล่นได้เฉพาะ Nintendo Switch เท่านั้น (เป็นเกมของ Nintendo)
- สตอรี่ยาวมาก
- อยากให้มี Zero Suit Samus version (แนะนำว่าขอ DLC)


อื่นๆ
Metroid Prime 4 เป็นอีกภาคของ Metroid ที่เดิมที่มีแผนจะปล่อย แต่ต้องอดใจรอหน่อย เพราะยังไม่มีกำหนดการอะไรมานอกจากนี้เลย...

MEGA GAME REVIEW : Goodbye KRITIKA Reboot

MEGA GAME REVIEW



จริงๆกะจะลงรีวิวเกมๆนี้มาซักพักใหญ่ๆแล้ว แต่เมื่อช่วงต้นปีก็มีประกาศออกมาว่าเกมปิดตัวลง (อีกแล้ว) หลังจากที่เคยปิดตัวมาแล้วรอบนึง โดยล่าสุดประกาศปิดเซิร์ฟเวอร์ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  ทาง MEGABLOGMOS ก็รู้สึกเสียดาย เพราะว่าเกมนี้บอกเลยว่าดีจริงๆ ตัวละครมีเสน่ห์ และมีความหลากหลาย ทั้งการออกสกิลและการโจมตี โดยส่วนตัวชอบน้อง Eclair สุดในเกม รองลงมาก็ Scyther , Lina และ มีด่าน เควส มิชชั่น และโหมดต่างๆให้เล่นเพียบ.. ซึ่งก่อนหน้านี้ Godlike Games ก็นำ Kritika : Reboot มาเปิดเซิร์ฟเวอร์เพียงไม่ถึงปี แต่ก็ไม่ได้ไปต่อ่นกัน





ถึงอย่างไรก็ตาม เวอร์ชัน PC จะปิดตัวลงก็จริง แต่เวอร์ชัน Smartphone KRITIKA : White Knights ยังคงอยู่นะจ้ะ สามารถดาวน์โหลดมาเล่นได้ที่




หมายเหตุ : สำหรับบางประเทศ เช่น เกาหลี จีน รัสเซีย ยังคงเปิดให้บริการ Kritika : REBOOT



...หวังว่าจะได้พบกันใหม่อีกครั้ง... #KritikaReboot